วัดธรรมาภิรตาราม
เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
"นำธรรมเผยแผ่ ดูแลพระพุทธศาสนา"
วัตถุประสงค์การจัดตั้ง
เมื่อวันที่ 17-18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 คณะศิษยานุศิษย์วัดธรรมาภิรตาราม (ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์) ได้พร้อมใจกันจัดทอดผ้าป่าสามัคคีได้เงินบริจาคทั้งหมด 350,000 บาท เพื่อนำมาจัดตั้งมูลนิธิของวัดในการส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมของพระภิกษุสามเณรวัดธรรมาภิรตารามและสนับสนุนกิจการเผยแผ่ธรรมของวัดในรูปแบบของโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์
พระครูสิริธรรมวิมล (เล็ก ปวโร) ผู้จัดตั้งมูลนิธิ
การประชุมจัดตั้งมูลนิธิ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2532 ณ ศาลาเพาะวิทยาพรต วัดธรรมาภิรตาราม ได้มีการประชุมจัดตั้งมูลนิธิ โดยมี พระครูสิริธรรมวิมล (เล็ก ปวโร) อดีตเจ้าอาวาส (องค์ที่ 6) เป็นประธานการประชุมพร้อมพระภิกษุ ฆราวาสรวม 7 ท่าน พระภิกษุผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์ 5 รูป และผู้เข้าร่วมประชุมอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมของผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินทอดผ้าป่าสามัคคีดังกล่าว ที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดต่าง ๆ แล้ว มีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างตราสาร (ข้อบังคับ) มูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม (ชื่อเดิม) จำนวน 12 หมวด 45 ข้อ เป็นเอกฉันท์
2. เลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการมูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม (ม.ธม.) ชุดแรก จำนวน 15 ท่าน เป็นคฤหัสถ์ทั้งหมด โดยมีนายชัชวาลย์ คงอุดม เป็นประธานกรรมการ
3. มอบหมายให้ประธานที่ประชุมในฐานะเจ้าอาวาสวัดธรรมาภิรตาราม เป็นผู้ลงนามในคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมแล้วนั้น นายชัชวาลย์ คงอุดม ได้นำรายงานการประชุม ตราสาร (ข้อบังคับ) คำร้องขอจดทะเบียน ซึ่งลงนามโดยพระครูสิริธรรมวิมลยื่นคำร้องต่อเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จนได้รับการจัดทะเบียนจากกรุงเทพมหานครเป็นคณะกรรมการมูลนิธิชุดแรก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2533 เลขทะเบียน 4513 ชื่อมูลนิธิ “บำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม” (ม.ธม.) โดยมีทุนจดทะเบียน 350,000 บาท (คลิก รายละเอียดการประชุม และการจัดตั้งมูลนิธิ)
ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2534 คณะกรรมการดำเนินงานมูลนิธิได้มีการประชุมสามัญประจำปีครั้งแรก โดยมีประธานกรรมการและกรรมการเข้าร่วมประชุม จำนวน 10 ท่าน ไม่มาประชุมจำนวน 5 ท่าน เป็นการรายงานผลการดำเนินงาน สถานะกิจการที่ผ่านมา ที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการมูลนิธิ จำนวน 15 รูป โดยมี พระครูสิริธรรมวิมล เป็นประธานกรรมการ พระมหาสำลี สิริกาญฺจโณ เป็นรองประธานกรรมการและที่ประชุมแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิจำนวน 10 ท่าน คณะกรรมการกำกับการมูลนิธินี้ เป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นโดยมติที่ประชุมใหญ่ เพื่อกำกับดูแลและให้ความสนับสนุนคณะกรรมการดำเนินงานตามที่คณะกรรมการดำเนินงานร้องขอแต่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้อำนาจหน้าที่ไว้ (คลิก รายละเอียดบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม สามัญประจำปี 2534) ในวันประชุมมีผู้ศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุน และเปิดรับบริจาคหลังจากปิดประชุมต่อเนื่องจนถึงเที่ยงวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 717,794 บาท (คลิก รายชื่อผู้บริจาค ปี พ.ศ. 2531-2534 จำนวน 203 ท่าน)
หลังจากนั้นมูลนิธิบำรุงการศึกษาฯ ไม่มีภารกิจเคลื่อนไหว เนื่องจากกรรมการมีภารกิจรัดตัว จนกระทั่งกรรมการทยอยเสียชีวิตจำนวน 9 ท่าน จาก 15 ท่าน เหลือกรรมการไม่ถึงครึ่งหนึ่ง (8 ท่าน) ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้
การฟื้นฟูมูลนิธิ
(เริ่ม 4 มกราคม พ.ศ. 2560 ถึง 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561 รวม 1 ปี 7 เดือน)
อนุสนธิจากการที่พระมหาสำลี สิริกาญจโน รองประธานฝ่ายกำกับการมูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม ปัจจุบันเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูโกศลธรรมคุณและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดธรรมภิรตาราม (แทนพระครูสิริธรรมวิมล ซึ่งมรณภาพ) เห็นว่านับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมามูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตารามไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เนื่องจากคณะกรรมการมีภารกิจของตนเองมาก และปัจจุบันได้เสียชีวิตไปหลายท่านแล้ว เกรงว่ามูลนิธิที่จัดตั้งไว้จะไม่ได้สานต่อเจตนารมณ์ของญาติโยม ตลอดจนเงินที่ญาติโยมและพุทธศาสนิกชนได้บริจาคไว้ยังไม่ได้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ และท่านไม่สามารถตอบคำถามญาติโยมเกี่ยวกับมูลนิธิได้ ท่านจึงได้หารือและขอความร่วมมือให้นายไพโรจน์ ตัณฑิกุล ลูกศิษย์ที่รู้จักดีและเคยบวชที่วัดธรรมาภิรตารามมาก่อน ให้ช่วยฟื้นฟูมูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม เพื่อขับเคลื่อนบริหารจัดการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิต่อ เพื่อสนองศรัทธาและเจตนารมณ์ของญาติโยมทุกฝ่าย
นายไพโรจน์ ตัณฑิกุล จึงได้ดำเนินการฟื้นฟูใหม่ทั้งหมดเพราะไม่มีหลักฐานใด ๆ ใช้อ้างอิงได้เลย โดยไปติดต่อกรมการปกครอง เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ค้นหาหลักฐานประวัติความเป็นมา จนค้นพบและขอคัดสำเนาหลักฐานต่าง ๆ และตรวจสอบบัญชีเงินฝาก จึงพบว่า กรรมการดำเนินงาน จำนวน 15 ท่าน ได้เสียชีวิตแล้ว 9 ท่าน ติดต่อไม่ได้ 2 ท่าน เหลือกรรมการอยู่เพียง 4 ท่าน
นายไพโรจน์ ตัณฑิกุล จึงได้จัดทำ Road Map 10 ขั้นตอนเพื่อ ฟื้นฟูมูลนิธิบำรุงการศึกษา วัดธรรมาภิรตาราม จนสำเร็จ เรียงตามลำดับ ดังนี้
-
21 ตุลาคม 2560 จัดประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2560 ขอมติที่ประชุมแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราว 5 ท่าน สมทบกับกรรมการเก่า 4 ท่าน รวมเป็น 9 ท่าน และเห็นชอบการลาออกของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 2 ท่าน จาก 4 ท่าน (ที่ยังมีชีวิตอยู่)
-
22 ธันวาคม 2560 ประชุมครั้งที่ 2/2560 เห็นชอบการลาออกของกรรมการ 1 ใน 2 ท่าน ที่ติดต่อไม่ได้เพิ่งติดตามพบและเขียนใบลาออกมาหลังจากประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2560 แล้ว
-
3 มกราคม 2561 ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง
-
23 เมษายน 2561 ศาลแพ่งนัดพิจารณาไต่สวน
-
23 พฤษภาคม 2561 ศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งศาล
-
19 มิถุนายน 2561 รับคำสั่งศาลแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม (ชุดที่ 2)
-
3 กรกฎาคม 2561 ยื่นจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ (ชุดที่ 2) ตามคำสั่งศาลแพ่งกับนายทะเบียนเขตดุสิต และตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมูลนิธิ
-
9 สิงหาคม 2561 ได้รับการจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการมูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม ชุดใหม่ (ชุดที่ 2) จากนายทะเบียนเขตดุสิต จำนวน 9 ท่าน โดยมีพระครูโกศลธรรมคุณ (เจ้าอาวาส) เป็นประธานกรรมการ (คลิกรายละเอียด)
-
12 พฤศจิกายน 2561 ยื่นขอเปลี่ยนชื่อเป็นมูลนิธิโกศลธรรมคุณ (เนื่องจากชื่อเดิมจะทำให้สาธุชน ประชาชนทั่วเข้าใจว่ามูลนิธินี้ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเฉพาะการศึกษาเท่านั้น) และแก้ไขข้อบังคับบางส่วน เพื่อให้มูลนิธิดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ได้แก่ ร่วมมือกับบุคคล กลุ่มบุคคล นิติบุคคล เพื่อดำเนินการสาธารณประโยชน์ หรือสาธารณกุศล เพื่อยกย่องเชิดชูผู้ประกอบคุณความดี
-
30 พฤศจิกายน 2561 ได้รับการจดทะเบียนให้แก้ไขข้อบังคับให้มีวัตถุประสงค์กว้างยิ่งขึ้นตามที่ขอ และให้เปลี่ยนชื่อจาก มูลนิธิบำรุงการศึกษาวัดธรรมาภิรตาราม (ม.ธม.) เป็นมูลนิธิโกศลธรรมคุณ (ม.กธ.) โดยมีคณะกรรมการดำเนินงานทั้งหมด 9 ท่าน
“มูลนิธิโกศลธรรมคุณ นำบุญพาสุขสู่คุณและสังคม”